ข้าวไม่ใช่อาหารหลักแค่ของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นอาหารหลักของญี่ปุ่นด้วย อาหารหลายอย่างของญี่ปุ่นมักมีข้าวเป็นจานหลักเช่นเดียวกัน คนญี่ปุ่นมักทานข้าวเป็นมื้อเช้า อาหารหลายอย่างของญี่ปุ่นทานคู่กับข้าว และมักใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลักในการทำซูชิ ข้าวของไทยที่อร่อยและดีที่สุดต้องเป็นข้าวหอมมะลิ แล้วข้าวของญี่ปุ่นละต้องเป็นสายพันธุ์ไหน?
จุดกำเนิด “ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari)” สุดอร่อยของญี่ปุ่น
ย้อนไปยังสมัยปี 1944 ซึ่งเป็นช่วงของสงคราม จังหวัดนีงะตะ ได้มีการผสมพันธุ์ "โนริน หมายเลข 22" และ "โนริน หมายเลข 1" เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ข้าวที่ทนทานต่อโรคและมีรสชาติที่อร่อย การเริ่มต้นทดลองปลูกข้าวชนิดนี้จึงเกิดขึ้นครั้งแรกที่สถานีทดสอบในจังหวัดฟุคุอิ ในช่วงแรกข้างยังมันข้อเสียอยู่มาก แต่เพราะความพยายามในการปรังปรุงสายพันธุ์ จนทำให้เกิดเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตได้มาก อร่อย และมีคุณภาพดี หลังจากนั้นข้าวโคชิฮิคาริกลายเป็นข้าวที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนได้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ข้าวโคชิฮิคาริ” ในที่สุด
ปัจจุบันมีการปลูกข้าวชนิดนี้ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ทัมบะ ซาซายามะ (Tamba Sasayama) จังหวัดเฮียวโกะ, ชิราคาวะของจังหวัดฟุกุชิมะ และโอคุโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะ ยกเว้นฮอกไกโดและโอกินาวา เพราะสภาพอากาศไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าว
ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูแห่งข้าวโคชิฮิคาริที่อร่อยที่สุด
ความอร่อยของข้าวไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์เพียงอย่างเดียว ส่วนใหญ่แล้วข้าวที่อร่อยและมีกลิ่นที่หอมน่ารับประทานมักจะเป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวใหม่ ๆ สำหรับข้าวโคชิคาริเองมีฤดูเก็บเกี่ยวที่เรียกว่า “Shinmai (新米 しんまい) ” หรือช่วงข้าวใหม่ 3 เดือนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพียง 3 เดือนเท่านั้น ช่วงนี้ข้าวโคชิฮิคาริจะมีความอร่อยที่สุด มีเม็ดข้าวสีขาวใส พอนำมาหุงแล้วข้าวจะมีความเหนียวนุ่มมากกว่าปกติ คนญี่ปุ่นจึงนิยมทานข้าวโคชิฮิคาริที่มีการเก็บเกี่ยวใหม่ ๆ มากที่สุด
ข้าวโคชิฮิคาริ “ราชาแห่งข้าว” ที่เชฟอาหารญี่ปุ่นเลือก
ด้วยลักษณะของข้าวที่เป็นเม็ดสั้น อวบอิ่ม และมีปริมาณแป้งสูงที่ช่วยให้เม็ดข้าวยึดเกาะติดกันได้ดี เมื่อทานแล้วจะให้รสที่หวานมีความเหนียวและนุ่มกำลังดี จุดเด่นอีกอย่าง คือ เมื่อนำไปทำเป็นข้าวที่ต้องผสมกับน้ำส้มสายชูเพื่อทำเป็นข้าวปั้นสำหรับซูชิก็ไม่ทำให้ข้าวลดความหวานหอมและอร่ยน้อยลง แถมยังคงความเหนียวแน่นของเม็ดข้าวโดยที่ไม่เสียรสชาติไป ทำให้ให้ข้าวโคชิฮิคาริได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งข้าวปั้น” เชฟอาหารญี่ปุ่นจึงมักนำข้าวชนิดนี้มาใช้ในอาหารญี่ปุ่นในหลาย ๆ เมนู เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยและคุณภาพดีที่สุด
ตอนนี้คงรู้แล้วว่าข้าวที่อร่อยและเหมาะสำหรับอาหารญี่ปุ่นต้องเป็น “ข้าวโคชิฮิคาริ” หากคุณต้องการลองชิมข้าวที่ได้ชื่อว่า “ราชาแห่งข้าว” กับอาหารญี่ปุ่นอีกหลากหลายเมนูสามารถมาทานได้ที่ Sushi Koge แล้วคุณจะค้นพบสูตรลับความอร่อยของอาหารในคอร์สโอมากาเสะสุดคุ้มที่ช่วยเติมเต็มความอร่อยและความสุขของคุณที่เหล่านักชิมตัวยงต้องยกนิ้วให้!
Sushi Koge ตั้งอยู่ชั้น B วานิชวิลเลจ อารีย์ (Vanit Village Aree) เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) มีรอบให้บริการดังนี้ เวลา 12.00/13.30/18.00/19.30 น. ใช้เวลาในการเสิร์ฟรอบละ 1.30 ชม. (จำกัด 12 ที่นั่งต่อรอบ) สำหรับ Standard Course (18 Course) ราคา 2,900++ บาท (ราคายังไม่รวม Vat7% และ Service Charge10%) รวมถึงค่าเครื่องดื่ม สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://lin.ee/CdamYNj หรือ โทร. 099-003-9039